ไม่มีการตรวจพิเศษเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคนี้ ข้อมูลหลักในการวินิจฉัยคือ การซักประวัติอาการ ความเป็นไปของโรค ความเจ็บป่วยทางจิตในญาติ การใช้ยาและสารต่างๆ หรือโรคประจำตัว เพราะยาบางขนานหรือโรคทางร่างกายบางโรคอาจมีอาการทางจิตเหมือนกับโรคอารมณ์สองขั้วได้ แพทย์จะนำข้อมูลได้จากผู้ที่เป็นและญาติ ร่วมไปกับการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตมาประมวลกันเพื่อการวินิจฉัย |
การรักษา
การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาหลักในโรคนี้แพทย์จ่ายยาร่วมกับการช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางจิตใจเพื่อช่วยผู้ที่เป็น 1. การรักษาในระยะอาการกำเริบ ระยะเมเนีย ยาที่นิยมใช้ได้แก่ · ลิเทียม (lithium) เป็นยาช่วยควบคุมอาการทางอารมณ์ การออกฤทธิ์ในการรักษาของลิเทียมต้อง · วาลโปรเอท (valproate) และคาร์บามาซีปีน (carbamazepine) เป็นยากันชักแต่ในทางจิตเวช · ยารักษาโรคจิต ใช้เพื่อลดอาการพลุ่งพล่าน หรืออาการโรคจิตเช่นประสาทหลอน หลงผิดที่อาจเกิดในช่วงที่อาการมาก ระยะซึมเศร้า · ยาแก้ซึมเศร้า ใช้เพื่อลดอาการซึมเศร้า ท้อแท้ ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงออกฤทธิ์ในการรักษา แล้วจะต้องกินยาไปนานเท่าไร ? โดยทั่วไปหากเป็นการป่วยครั้งแรกหลังจากที่แพทย์รักษาจน พบบ่อยคือพออาการดีขึ้นหลังกินยาไปได้ 1-2 เดือนผู้ป่วยก็ไม่มาพบแพทย์ ไม่ยอมกินยาต่อ 2. การป้องกัน ผู้ที่มีอาการกำเริบ 2 ครั้งขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเมเนียหรือซึมเศร้า ควรกินยาป้องกันระยะยาว โดยทั่วไปแพทย์จะให้กินนานอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป
- โรคทางระบบประสาท ได้แก่ โรคลมชัก, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไมเกรน, เนื้องอกสมอง - อาการบาดเจ็บที่ศรีษะ - โรคต่อมไร้ท่อ เช่น ความผิดปกติของไทรอยด์ฮอร์โมน - โรคติดเชื่อ เช่น โรคเอดส์, การติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง - โรคเกี่ยวกับระบบผู้คุ้มกัน เช่น SLE - ยาต่าง ๆ เช่น ยาแก้ซึมเศร้า, corticosteroid, methylphenidate, levodopa, amphetamine, cocaine เป็นต้น สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเอง หรือสงสัยว่าคนใกล้ตัวอาจจะเป็น bipolar disorder อาจจะต้องไปพบกับแพทย์ เพื่อให้ช่วยประเมินโดยละเอียด และวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วย
|