header

ชนิดของโรคภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้แบ่งได้ตามระบบการทำงานของร่างกายได้ 5 กลุ่มดังนี้

  1. โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหืด
  2. โรคภูมิแพ้ที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบหรือ โรคแพ้อากาศ
  3. โรคภูมิแพ้ที่เกิดกับทางผิวหนัง
  4. โรคภูมิแพ้ทางตา
  5. โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการเกิดกับหลายระบบ

    อาการโดยรวมของโรคภูมิแพ้

    อาการโดยรวมที่เกิดจากปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกัน มักจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาทีหลังจากที่ร่างกายได้รับสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ โดยอาการทั่ว ๆ ไปที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก เยื่อบุตาขาวแดง คันตา น้ำตาไหล หอบ ไอ มีผื่นคันสีแดง รวมถึงยังทำให้ผู้ป่วยโรคหืดมีอาการเพิ่มมากขึ้น

    อาการแพ้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มักจะไม่รุนแรง แต่บางครั้งปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่รุนแรงแบบเฉียบพลัน (anaphylaxis) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะช็อก และมีอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยควรการรักษาทางการแพทย์ในทันที

    โรคหืด (Asthma)

    อาการของคนที่ป่วยเป็นโรคหืดคือ จะมีอาการแน่นหน้าอก หายใจหอบ เหนื่อยง่าย หายใจมีเสียงดังหวีด อาการมักจะเป็นๆ หายๆ หรือในบางรายอาการอาจมีมากจนเกิดอาการทุกคืน สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยยาขยายหลอดลม แต่ก็ทำได้เพียงควบคุมอาการในเฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้น ต่อมาก็อาจจะต้องใช้ยาบ่อยขึ้นและใช้ปริมาณที่มากขึ้น ในบางครั้งโรคหืดที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพียงอาการไอในช่วงเวลากลางคืนโดยไม่มีเสียงหวีดดังออกมา หรืออาจจะมีเพียงอาการแน่นอกก็ได้ ทำให้การวินิจฉัยโรคบางครั้งทำได้ยาก บางคนก็จะเกิดแน่นหน้าอกเฉพาะในช่วงเวลาที่ออกกำลังกาย แต่ก็มีที่หลายคนนึกไม่ถึงคือโรคภูมิแพ้ทางจมูกนั้นสามารถเป็นร่วมกันกับโรคหืดได้ด้วยสูงถึง 70 - 80% ถ้าควบคุมอาการได้ไม่ดีมากพอ

 

โรคแพ้อากาศ (Allergic rhinitis)

อาการของโรคภูมิแพ้ทางจมูกสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิดดังนี้

  1. อาการที่แสดงออกชัดเจนทางน้ำจมูก เช่น มีน้ำมูกไหล คันจมูก จาม
  2. อาการที่แสดงออกชัดเจนทางอาการคัดจมูก มักจะไม่มีน้ำมูกไหล หรืออาการจาม
  3. อาการที่มีทั้งอาการทางน้ำจมูกและอาการคัดจมูกรวมกันคือ มีน้ำมูกใส และคัดจมูก
  4. อาการที่วินิจฉัยได้ยาก ถ้าผู้ตรวจไม่ชำนาญมากพอ ในกลุ่มนี้อาการมีได้ทั้ง ไอเรื้อรัง หรือต้องกระแอมตลอดเวลา เพราะมีเสมหะไหลหรือซึมลงคอตลอด เมื่อตื่นนอนตอนเช้าอาจจะรู้สึกว่ามีเสมหะติดคอได้ ในบางรายมีอาการปวดหัวเรื้อรัง นอนกรน หรือถอนหายใจบ่อยๆ มีอาการปากแห้ง ในบางคนมีอาการคันที่หัวตา แต่ไม่ได้มีอาการตาแดง อาการที่เกิดขึ้นเหล่านี้สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากการที่เยื่อบุจมูกบวมมากทำให้ท่อน้ำตาที่อยู่ติดกันเกิดอาการอักเสบ และมีอาการคันที่หัวตาอย่างมาก

โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergic skin disease)

โรคที่พบได้บ่อยคือโรคลมพิษ ผื่นที่ผิวหนัง ผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ โดยอาการของโรคจะเริ่มที่อาการคัน หลังจากนั้นก็จะบวม ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งตัว โดยเฉพาะในบริเวณที่ถูกเกาหรือกดรัด ก็มักจะเป็นๆ หายๆ โดยอาการบวมจะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนที่มีขนาดแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่อาจจะดูคล้ายกับตุ่มยุงกัด แต่บางแห่งก็จะมีลักษณะคล้ายกับแผนที่ โดยบริเวณตรงกลางสีจะจางและไม่นูน โดยผื่นลมพิษในลักษณะนี้อาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ในบางครั้งก็อาจจะเป็นปื้นหนา หรือ อาจจะมีจุดขาวซีด อยู่ตรงกลางแต่โดยรอบจะหนาและนูนแดง ผื่นที่เกิดจากลมพิษนั้นจะเห่อเร็วมาก และจะหายไปได้เองใน 4 - 6 ชั่วโมง และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย แต่ก็อาจจะย้ายไปขึ้นที่บริเวณอื่นได้อีก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผื่นจะหายไปภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิน 24 ชั่วโมง ให้นึกไว้ว่าอาจจะเป็นโรคอื่น

ในบางรายที่เป็นมากอาจจะมีอาการบวมของหนังตา ริมฝีปาก อวัยวะเพศ และทางเดินหายในร่วมด้วย ในผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้นั้น มักจะเป็นตั้งแต่อายุน้อยๆ โดยร้อยละ 80 - 90 ของเด็กที่เป็นโรคนี้จะมีอาการก่อนอายุ 7 ปี โดยมีอาการเป็นผื่นคันตามลำตัว และหน้า ซึ่งจะมีอาการแบบเป็นๆ หายๆ มีอาการผิวแห้งอักเสบ และก็จะกำเริบเป็นระยะๆ หากได้รับสารกระตุ้นการเกิดภูมิแพ้เข้าไป นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ยังมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ทางผิวหนังในเด็ก ได้แก่ แพ้อาหาร โดยอาหารที่มักจะพบได้บ่อยคือ ไข่ นมวัว อาหารทะเล และแป้งสาลี

โรคภูมิแพ้ทางดวงตา (Eye allergy)

การเกิดโรคนี้จะเกิดอาการอักเสบที่เยื่อตาขาว และใต้หนังตา  โดยมีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบตา และมีขี้ตา โดยอาการที่เกิดขึ้นมักจะเกินเมื่อได้รับสารกระตุ้น เช่น ฝุ่น ละอองเกสรหญ้า หรือขนสัตว์ นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ทางดวงตายังมักพบอาการโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย

โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ (Anaphylaxis)

เป็นโรคภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยาที่อันตรายถึงชีวิต โดยอาการแพ้นี้จะเกิดรุนแรง รวดเร็วและมีอาการหลายระบบ โดยจะมีทั้งอาการคัน ลมพิษ ปากบวม หน้าบวม แน่นในลำคอ จาม น้ำมูกไหล หายใจขัด ในบางรายอาจจะมีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย ความดันโลหิตต่ำ หมดความรู้สึก และอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในรายที่เป็นโรคหืดอยู่แล้วก็จะเกิดการกำเริบขึ้นมาได้ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงนี้ได้แก่ แพ้ยา แพ้อาหาร โดนแมลงต่อยจำพวกผึ้ง ต่อ มด ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ควรเลี่ยงสารที่แพ้โดยเด็ดขาด และในรายที่เคยเป็นอาการแพ้อย่างรุนแรงเช่น ช็อก ผู้ป่วยควรพกยาฉีดอย่าง Adrenaline/ Epinephrine ติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเสียชีวิตก่อนที่จะได้พบกับแพทย์

 

ที่มาhttps://www.honestdocs.co/allergies-causes-and-treatment

กลับขึ้นไปด้านบน