header welcome

ความหมาย

อาการ

สาเหต

การวินิจฉัย

การรักษา

ภาวะแทรกซ้อน

การป้องกัน

About me

newspic

newscutenews

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

5 พฤติกรรมเสี่ยงโรคหัวใจ


1. ทานอาหารไขมันสูง

เช่น ขาหมู หมูสามชั้น หนังสัตว์ทอด แกงกะทิมันๆ ต่างๆ หากบริโภคมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงหัวไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้

 
2. สูบบุหรี่

หลายคนอาจจะคิดว่าการสูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งที่ปอดเท่านั้น จริงๆ แล้วบุหรี่เป็นสาเหตุที่สำคัญของโรคหัวใจเช่นเดียว เพราะบุหรี่ทำให้หัวใจขาดเลือด และเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้

 

3. เครียด

ที่เคยเห็นกันในละครว่าเหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลายทำงานหนัก เครียด ต้องแบกรับภาระหนัก และมีความกดดันอยู่ตลอดเวลา จนเป็นโรคหัวใจนั้น เป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อไรที่เราเครียด หัวใจเราจะทำงานหนักขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น จนอาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ จนกระตุ้นอาการของโรคหัวใจให้เป็นหนักขึ้นได้ (ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความเสี่ยงอยู่แล้ว)

 

4. ไม่เคยออกกำลังกาย

การวิ่ง เต้นแอโรบิค หรือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออื่นๆ เป็นเหมือนกันช่วยให้หัวใจได้ออกกำลัง เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ พร้อมใช้งานหนักได้มากขึ้น หากหัวใจไม่เคยได้ออกกำลัง ก็จะทนต่อการทำงานหนักไม่ไหว เมื่อใดที่เราอยู่ในภาวะหัวใจต้องทำงานหนักแต่หัวใจรับไม่ไหว ก็จะทำให้หัวใจล้มเหลวได้

 

5. เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน

หากคุณป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรืออ้วนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคัวใจเพิ่มมากขึ้น เพราะมีโอกาสสูงที่คุณจะมีไขมันในเลือดสูง ทำให้เลือดข้น อุดตันเส้นเลือดที่จะส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานหนักเพิ่มขึ้น จนหัวใจทำงานไม่ไหว และล้มเหลวในที่สุด

 

 

 

pp

 

 

 

 

"ดีต่อใจ" วิตามินดีช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวได้

 

หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่าวิตามินดีเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลว

การศึกษาโดยเจ้าหน้าที่ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Leeds ที่อังกฤษพบว่าการรับประทานวิตามินดีทุกวันสามารถช่วยผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวได้อย่างมีนัยสำคัญ

การวิจัยนี้เก็บตัวอย่างจากคนไข้โรคหัวใจกว่า 160 คน ซึ่งถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มแรกนักวิจัยให้รับยาปลอมที่มีแป้งเป็นส่วนผสมและไม่มีฤทธิ์ยา กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้ทานวิตามินดีทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปี

ผลการวิเคราะห์ชี้ว่ากลุ่มที่รับประทานวิตามินดีทุกวัน มีการเต้นของหัวใจดีขึ้นร้อยละ 26 ถึง 34

อาจารย์ Klaus Witte หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่าวิตามินดีเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ก่อให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลว

ผลงานชิ้นนี้ถูกนำเสนอในประประชุมการแพทย์ประจำปีของ American College of Cardiology ครั้งที่ 65 ที่นครชิคาโกเมื่อต้นสัปดาห์นี้

การค้นพบนี้น่าจะมีประโยชน์ต่อคนจำนวนมาก เพราะปัจจุบันประชากรโลกกว่า 23 ล้านคนเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ที่มีอายุอย่างน้อย 75 ปี

 

 

 

ballpop

 

 

 

 

 

 

7 เคล็ดลับง่ายๆ ห่างไกลจาก “โรคหัวใจ”

อกจากมะเร็งจะเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับ 1 แล้ว ยังมีโรคหัวใจ และอีกสารพัดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจติดอันดับต้นๆ อยู่ทุกปีด้วยเช่นกัน เพราะวิถีชีวิต พฤติกรรม และความเครียดทำให้คนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจสูงมาก มาดูเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณหลีกหนีจากโรคหัวใจกัน

1. นอนเร็ว ตื่นเช้า

เป็นเรื่องง่ายๆ ที่หลายๆ คนอาจทำไม่ได้ จะด้วยเรื่องของงานยุ่ง หรือเวลาในชีวิตไม่ปกติ ก็ทำให้เรื่องง่ายๆ เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่หลายคนทำไม่ได้ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าถ้าทำได้สุขภาพคุณดีขึ้นแน่ๆ และหัวใจของคุณก็จะแข็งแรงด้วย เพราะร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ระบบภายในไม่แปรปรวน หัวใจไม่ต้องทำงานหนักไปพร้อมกับคุณ ทีนี้หัวใจก็แข็งแรงสุขภาพดี ไม่ล้มป่วยง่ายๆ แน่นอน นอกจากนี้หากคุณตื่นเช้า คุณก็จะมีเวลาทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของร่างกายเราด้วยนะ

 

2. ออกกำลังกายบ้าง

เคยดูละคร ดูหนัง แล้วเห็นภาพนักธุรกิจตัวอวบๆ เจ็บหน้าอก ล้มตึง แล้วเสียชีวิตกันบ้างหรือเปล่า เพราะเขาไม่มีเวลาไปออกกำลังกายนั่นเอง หากร่างกายเราไม่ได้ออกกำลังกาย เราก็จะอ้วน และไม่เข็งแรง เป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหลได้ง่ายๆ เช่นเดียวกันกับหัวใจ หากไม่ได้ออกกำลัง (หัวใจ) ก็ไม่แข็งแรง ต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ไม่ไหวเหมือนกัน เพิ่มกล้ามเนื้อ (หัวใจ) ด้วยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอบ้าง เพื่อให้หัวใจได้สูบฉีดเลือด หัวใจเต้นตุบๆ บ้าง หัวใจจะได้แข็งแรงค่ะ (แต่ใครที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหัวใจอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมในการออกกำลังกายนะคะ)

 

3. ผ่อนคลายบ้าง

วันหนึ่งๆ คุณนั่งอยู่หน้าจอคอม หรือนั่งทำงานอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมกี่ชั่วโมง เคยวัดกันหรือเปล่า? โดยปกติแล้วเราควรจะลุกขึ้นยืน เดิน ยืดเส้นยืดสาย หรือพักสายตาทุกๆ 1-2 ชั่วโมงด้วยซ้ำนะ ถึงแม้งานเร่งมาก หรือกำลังมีสมาธิกับงานมากขนาดไหนก็ตาม เราก็ควรจะพัก เบรกสั้นๆ บ้าง เพื่อผ่อนคลายสมอง รัยรองว่าหลังเบรกจะปั่นงานคล่องขึ้น สมองลื่นไหนขึ้นแน่นอน นอกจากพักเบรกระหว่างวันแล้ว เย็นวันศุกร์ หรือวันเสาร์อาทิตย์ ก็ควรหาเวลาทำกิจกรรมกับคนรัก ครอบครัว หรือเพื่อนๆ กันบ้าง แค่ได้คุย ได้หัวเราะกับคนที่คุณรัก นอกจากความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่นๆ จะดีขึ้นแล้ว คุณก็ช่วยให้หัวใจของคุณกระปรี้กระเปร่า ไม่เหี่ยวเฉา และผ่อนคลายทั้งใจทั้งสมองได้จริงๆ นะ

 

4. ดื่มน้ำเยอะๆ

หลายคนทำงานรีบเร่ง แถมยังรีบกินเพื่อจะได้กลับไปปั่นงานต่ออีก เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้ำดื่ม บางทีก็มีลืมบ้าง อยากให้ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อช่วยให้หัวใจสูบฉีดโลหิตได้ง่ายขึ้น หัวใจจะได้ทำงานเหนื่อยน้อยลง แถมยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขับถ่ายคล่องขึ้นอีกด้วยนะ

 

5. ลดของมัน ของทอด หรือแป้งขัดสี

เพราะของที่อุดมไปด้วยไขมันเหล่านี้ ก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งจะทำให้หัวใจต้องบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือดหล่อเลี้ยงร่างกายหนักขึ้น เมื่อหัวใจต้องเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ก็เสี่ยงต่อโรคหัวใจล้มเหลวได้อีก เพราะฉะนั้นควรหันไปหาอาการที่ย่อยง่าย เช่นผักผลไม้ ข้าวไม่ขัดสี เพื่อช่วยให้หัวใจทำงานสะดวกขึ้น

 

6. นั่งสมาธิ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าการนั่งสมาธิไม่ใช่เพียงแค่ช่วยฝึกจิตใจให้สงบ หรือเป็นหลักปฏิบัติทางศาสนาพุทธแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลดีต่อร่างกาย สมอง และหัวใจจริงๆ อีกด้วย เพราะการนั่งสมาธิเป็นการฝึกกำหนดจังหวะการหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ผ่อนคลายสมองด้วยคิดถึงแต่เรื่องการหายใจ ไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องเครียดๆ และหัวใจก็ได้ทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ สงบนิ่ง จะทำก่อนนอนวันละ 10 นาที ก็ช่วยหัวใจของคุณได้มากแล้วล่ะค่ะ

 

7. มองโลกในแง่ดี

สาเหตุหลักๆ ของโรคหัวใจ นอกจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตแล้ว ยังมาจาก “ความคิด” ของเราอีกด้วย หากเราเจอปัญหาแล้วมัวแต่คิดว่ามันเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หรือคิดแต่ไปในทางแย่ๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นมาแน่นอนอยู่แบบนี้ ความเครียดก็จะสะสม จนส่งผลต่อการทำงานของหัวใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากคุณลองปรับทัศนคติที่มีต่อปัญหาต่างๆ ให้ดีขึ้น มองปัญหาหลายๆ ด้าน มองหามุมดีๆ ของเหตุการณ์นั้นๆ ค่อยๆ แก้ปัญหาอย่างมีสติ รับรองว่าปัญหาไหนๆ ก็ไม่อาจเข้ามาทำร้ายหัวใจของคุรได้อย่างแน่นอน

 

Top

 

close